ประกันภัยรถยนต์ เบี้ยประกันถูกๆ โดยใช้ส่วนลดประวัติ

     การทำให้เบี้ยประกันรถถูกๆ โดยใช้ส่วนลดประวัติดี  การจะทำให้เบี้ยประกันภัยถูกลงนั้น จริงๆ มีหลายวิธีแต่ขึ้นอยู่กับว่า ใครเหมาะสมกับแบบใด เอาแบบที่ใกล้ตัวสุด แต่เรื่องทำได้หรือไม่ได้ ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการขับรถของแต่ละคน แถมอันนี้ลดลงได้เยอะสุดด้วย เขาเรียกว่าส่วนลดประวัติ คือเหมือนเป็นแรงจูงใจให้ผู้ขับขี่ ขับด้วยความระมัดระวัง คือถ้าผู้เอาประกันภัย ไม่มีการเคลมในปีที่ผ่านมา ก็จะมีส่วนลดให้ในปีต่ออายุปีถัดไป หรือที่ทางประกันภัยรถยนต์เรียกว่าส่วนลดประวัติดี นั้นเอง 

     ส่วนลดนี้มีทั้งหมด 4 ขั้นด้วยกัน คือถ้าปีแรกที่ประกันไม่มีการเคลมเลย ก็เอาส่วนลดไป 20% บอกไว้ก่อนว่าไม่ใช่ลดลง 20% จากเบี้ยปีก่อนนะครับ แต่เป็น 20% ของเบี้ยฐานปีปัจจุบัน ซึ่งเบี้ยฐานแต่ละปีก็จะดูจากอายุรถ ทุนประกันรถยนต์ ซึ่งแต่ละบริษัทประกันเขาจะมีตารางการคำนวนของเขาสำหรับรถรุ่นนั้น ปีนั้น ได้ทุนเท่านั้น เบี้ยฐานเท่านี้ เสร็จแล้วค่อยลดลงไป 20% จากเบี้ยฐานที่ได้แล้วจึงบวกด้วยอากร บวกด้วยภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ตัวส่วนลดประวัติตัวนี้ มันไม่ได้หยุดแค่ 20% ครับ

     ในกรณีที่ประกัน 2 ปีต่อเนื่องไม่มีการเคลมเลยส่วนลดประวัติก็จะเป็น 30% , ถ้า 3 ปีก็เป็น 40 % มากขึ้นไปจนถึง 50% มากสุด คือไปหยุดอยู่ที่ 50% ไม่มีมากกว่านี้แล้ว ดังนั้นใครที่เคยประกันต่อเนื่องกัน 4 ปีโดยไม่มีเคลมเลยจะสังเกตเห็นได้ว่าเบี้ยประกันในปีต่อๆ ไปจะเริ่มไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ถ้ามีการเคลมซักครั้ง เบี้ยในปีต่อมาจะเพิ่มขึ้นทันตาเห็น แต่ในความเป็นจริงมันคือการที่ส่วนลดประวัติลดลง ดังนั้นเวลาที่คุณต้องการเคลมรถยนต์ ถ้าเป็นกรณีเคลมสด คือรถชนกันบนท้องถนนนั้น ก็คงต้องเคลมตามปกติ แต่ถ้าจะเคลมแห้ง คือ รถยนต์อาจจะไปเบียดอะไรมา แล้วต้องการทำสี คุณก็ต้องพิจารณาดูให้ดีนะครับว่า เคลมจุดนั้นแล้วจะทำให้ส่วนลดประวัติหายไปเท่าใด คุ้มกับราคาซ่อมแผลนั้นหรือไม่ คือจากประสบการณ์แนะนำว่า

     ในกรณีที่มีส่วนลดประวัติมาก เวลาเคลมควรจะเคลม จำนวนมากชิ้นครับ หรือเคลมเก็บไปเลยทีเดียว แต่อาจจะเสียส่วนร่วมนะครับ ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับการต่อรองว่าจะเสียมากหรือน้อย แต่เหตุผลที่ให้เคลมรถเก็บสีไปเลยทีเดียวเพราะ ในเมื่อเราตัดสินใจเคลมแล้ว ส่วนลดประวัติต้องหายไปบางส่วนแน่นอน เบี้ยก็เพิ่มขึ้นมา คือเราต้องเสียเงินค่าเบี้ยเพิ่มอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสทำไปทีเดียวเลย เมื่อรถเรากลับมาอยู่ในสภาพดีจะได้ไม่ต้องเคลมจุกเคลมจิก เพื่อจะได้เป็นการสะสมส่วนลดประวัติในปีถัดๆ ไปครับ เบี้ยจะได้ลดลงในอนาคต

     ในการคุยกับพนักงานเคลมก็ชัดเจนดีด้วย ให้คำนวนส่วนร่วมมาเลยเพราะต้องมีส่วนร่วมแน่นอน จะมากน้อยก็อยู่กับลักษณะของแผลที่เกิดขึ้นกับรถครับ แล้วก็ต่อรองกันไปเลยว่าควรเสียเท่าไหร่ ให้มันสมเหตุสมผล จริงๆ พวกนี้ พนักงานเคลมเขามีหลักในการคิดอยู่ ต้องคุยให้ถูกหลักครับ เพราะเดี๋ยวนี้กฎเกณฑ์เยอะ มาตราฐานของพนักงานเคลมแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน